อันดับ 1
ผู้หญิงหอมแก้มกัน : ดูน่ารัก
ผู้ชายหอมแก้มกัน : อืยยย...หวาดเสียว ขนลุก
อันดับ 2
ผู้หญิงใส่กางเกงฟิตๆ : น่ามองจริงๆ น่าชม
ผู้ชายใส่กางเกงฟิตๆ : แหยะ! จะอ้วก
อันดับ 3
ผู้หญิงตบผู้ชาย : ป้องกันตัว หรือ "สุดจะทน"
ผู้ชายตบผู้หญิง : หน้าตัว mear !
อันดับ 4
ผู้หญิงร้องไห้ : ดูน่าสงสาร
ผู้ชายร้องไห้ : ปลาซิว
อันดับ 5
ผู้หญิงเป็นเพื่อนกัน ดูแลห่วงใยเอาใจใส่กัน : ดูน่ารักดี สดชื่น
ผู้ชายเป็นเพื่อนกัน ดูแลห่วงใยเอาใจใส่กัน : ชักแปลก ดูเหมือนคู่เกย์
อันดับ 6
ผู้หญิงหลอกรับประทานผู้ชาย : อ่อ อาจเป็นเรื่องปกติ
ผู้ชายหลอกรับประทานผู้หญิง : สารเลว เกาะผู้หญิงกิน
อันดับ 7
ผู้หญิงพูดตรงๆ : ดูเป็นคนเปิดเผย
ผู้ชายพูดตรงๆ : ba พูดไม่เข้าหูคน
อันดับ 8
ผู้หญิงเข้าห้องน้ำผู้ชาย : มันผิดพลาดกันได้!
ผู้ชายเข้าห้องน้ำผู้หญิง : ba ! โรคจิต
อันดับ 9
ผู้หญิงเดินตกท่อ : น่าสงสารจัง เป็นอะไรมากมั้ย?
ผู้ชายเดินตกท่อ : โง่! เดินไม่ดูตาม้าตาเรือซะเลย
อันดับ 10
ผู้หญิงขับรถปาดหน้า : ช่างเหอะ ผู้หญิงก้ออย่างนี้แหละ
ผู้ชายขับรถปาดหน้า : แซงขึ้นแล้วยิง!!
Read more: http://www.keedkean.com/knowledge/KK0001214.html#ixzz275dXKh
วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555
10 อันดับที่ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก !!!
1.พระพุทธรูปแกะสลักบนหน้าผาขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือ พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา ณ หน้าผาเขาชีจรรย์ จังหวัดชลบุรี
2.สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นสนามบินที่ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานที่สุดในโลก กว่า 48 ปี
3.พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
4.บัณฑิต อึ้งรังษี สุดยอดนักวาทยากร (นักบรรเลงวงดนตรี) อันดับ 1 ของโลก
5.ประเทศไทยมีทะเล และปาการังที่สวยที่สุดในโลก
6.ฟาร์มจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ที่ปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ
7.นายสมบัติ เมทะนี เป็นบุคคลที่ได้รับเล่นบทพระเอกมากที่สุดในโลก กว่า 600 เรื่อง
8.กรุงเทพมหานครฯ คือชื่อเมืองหลวงที่ยาวที่สุดในโลก
9.กรุงเทพมหานครฯ คือเมืองที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก (ปี 2008)
และสุดท้ายย...
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงครองสิริราชสมบัติยาวนานที่สุดในโลก
CR: http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2584517
2.สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นสนามบินที่ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานที่สุดในโลก กว่า 48 ปี
3.พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
4.บัณฑิต อึ้งรังษี สุดยอดนักวาทยากร (นักบรรเลงวงดนตรี) อันดับ 1 ของโลก
5.ประเทศไทยมีทะเล และปาการังที่สวยที่สุดในโลก
6.ฟาร์มจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ที่ปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ
7.นายสมบัติ เมทะนี เป็นบุคคลที่ได้รับเล่นบทพระเอกมากที่สุดในโลก กว่า 600 เรื่อง
8.กรุงเทพมหานครฯ คือชื่อเมืองหลวงที่ยาวที่สุดในโลก
9.กรุงเทพมหานครฯ คือเมืองที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก (ปี 2008)
และสุดท้ายย...
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงครองสิริราชสมบัติยาวนานที่สุดในโลก
CR: http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2584517
ตามชื่อเลยนะครับ : )
ในฐานะที่ผมเลือดกรุ๊ปB เลยอยากให้เพื่อนๆอ่านดู
ว่าจะตรงกับนิสัยเพื่อนๆรึป่าว
เอาล่ะ...ไปดูกันเลยดีกว่า ฮ่าๆ
ในฐานะที่ผมเลือดกรุ๊ปB เลยอยากให้เพื่อนๆอ่านดู
ว่าจะตรงกับนิสัยเพื่อนๆรึป่าว
เอาล่ะ...ไปดูกันเลยดีกว่า ฮ่าๆ
กรุ๊ปB...โกรธใครโกรธจริง แค้นใครแค้นฝังหุ่น อย่ามาทำให้ฟิวส์ขาด ขอเตือนเลย !
กรุ๊ปB...ไม่เคยโกรธใครโดยไร้เหตุผล แต่ส่วนใหญ่ที่โกรธเพราะชอบขัดใจ ชอบแกล้ง และที่สำคัญ ชนะเรา !
กรุ๊ปB...เป็นพวกชอบปรึกษา ไม่ต้องการวิธีแก้ คือแบบ...แค่มาบ่นให้ฟังเฉยๆ !
กรุ๊ปB…เวลาเจอคนพูดมากๆ จะนึกในใจว่า “มาบอกทำไม ?” เราชอบบ่นอย่างเดียวไม่รับฟัง !
กรุ๊ปB...เวลาโดนดูถูกจะโกรธมาก แล้วเราจะหาสิ่งที่ดีกว่าไปกระแทกหน้ามัน เอาให้หงายไปเลย แล้วจะรู้เราเจ๋งแค่ไหน !
กรุ๊ปB...ชอบคิดมาก คิดตั้งแต่เริ่มยังจบว่าผลมันเป็นยังไงแต่ที่ไม่เคยคิด “ว่าเราจะคิดทำไม” !
กรุ๊ปB...ชอบพูดอย่างทำอย่าง เตือนให้คนอื่นทำ แต่ตัวเองกลับไม่ทำ ความสุขอะทำไม ?
กรุ๊ปB...ถ้าโมโหขึ้นมาก็มาลงกับข้าวของ ขว้างโน่นขว้างนี่ แต่แล้วก็มาเก็บมันเข้าที่เหมือนเดิม ขว้างทำไมเนี่ย ?
กรุ๊ปB...ไม่ค่อยทักใครก่อน..ไม่ใช่หยิ่งแต่เพราะกลัวทักไปแล้วคุยต่อไม่ได้หรือทักไปแล้วเขาจะรำคาญ !
กรุ๊ปB...ชอบโวยวายในเรื่องไร้สาระ แต่พอถึงเรื่องเครียดจริงๆจะไม่บอกใครเลย จะเก็บไว้คิดให้ปวดหัวเล่นคนเดียว ?
กรุ๊ปB...ไม่เคยให้ความหวังใคร มีแต่โดนให้ความหวัง ก็แค่นั้น !
กรุ๊ปB...อยากให้บีหายงอน ก็แค่ง้อไปเรื่อยๆ ทำตัวน่ารักๆ ก็หายแล้วแค่แกล้งงอนเฉยๆนั้นแหละ !
กรุ๊ปB...ขึ้นชื่อว่าเจ้าชู้แต่ความจริงก็รักมากแค่คนเดียวนะ !
กรุ๊ปB...เวลาแอบชอบใครจะเก็บไว้แล้วไม่ยอมบอก แต่จะคอยติดตามเขาทุกอย่าง และทำให้เขารักเราและบอกชอบเราเอง !
กรุ๊ปB...แพ้คนเอาใจกับขี้อ้อน !
กรุ๊ปB…จะทำทุกอย่างที่ตัวเองชอบ ถึงมันน่ากลัวก็ยังจะทำ ทำไปขนลุกไป ?
กรุ๊ปB…เห่อของมาก เวลาซื้อของอะไรมาใหม่ๆ จะนั่งจับ นั่งดูทั้งวัน พอผ่านไปหลายๆวัน ทิ้งไว้ไหนแล้วก็ไม่รู้ ?
กรุ๊ปB…ความโกรธเหมือนยาพิษจะค่อยๆกัดกินใจให้อีกฝ่ายตายได้ช้าๆ และทรมาน ( ซาดิสม์นี่หว่า ! )
กรุ๊ปB…ถ้าเวลาทำงานรู้ว่าทำไม่ได้ก็จะไม่ดึงดันดั้นด้นทำ เดี๋ยวไว้ค่อยทำก็ได้ ( แล้วก้อลืม…? )
กรุ๊ปB…ไม่ชอบเป็นที่จับตามองของใครหลายๆคน "รู้ว่าดูดีแต่ไม่ต้องมองได้ปะ “เขิล” !
กรุ๊ปB…ถ้าให้พูดต่อหน้าจะพูดไม่เก่ง แต่ให้เขียนเป็นข้อความจะถนัดมากกว่า ซึ้งกินใจเลยล่ะ !
กรุ๊ปB…คิดจะทำอะไร ก็ได้แค่ คิดจะทำหรือไม่ทำน่ะ มันอยู่ที่ “อารมณ์” ก้อติสอ่ะ !
กรุ๊ปB…ขี้เหงานะ เหงาเงียบๆ เหงาแบบไม่บอกใคร อยู่ดีๆก็เหงา ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ?
กรุ๊ปB…เวลางอนชอบเย็นชาใส่คนนั้น เหมือนโยนระเบิดเก็บเสียงแล้วโยนพุ่งใส่อย่างเดียว ฮึฮึ ตายซะเถอะ !
กรุ๊ปB...อาจจะดูใสๆซื่อๆแต่เวลาโกหกทีโกหกเนียนนะครับ !
กรุ๊ปB…เป็นคนที่โกหกเก่งมาก ประมาณว่าพูดไรใครเชื่อหมด แต่พอพูดความจริง คนกลับไม่เชื่อ !
กรุ๊ปB…ที่ว่าโกหกเก่งน่ะ ไม่ใช่ว่าไปโกหกใคร แต่โกหกใจตัวเองได้ ถือว่าเก่งไหมละ ?
กรุ๊ปB…พอฟังใครพูดแรกๆก็จะตั่งใจฟัง หลังๆเริ่มเบื่อแต่ก็ยัง "พยักหน้า"เหมือนจะฟัง ทั้งที่จริงๆแล้วไม่ได้ฟังเลย ! ( สติหลุดไปคิดเรื่องอื่นแล้ว ! )
กรุ๊ปB…จะเอ๋อๆ เด๋อๆ ฮาๆ ยิ่งคุยมันส์ยิ่งเสียงดัง แต่พอถูกดุจะจ๋อย ทำหน้าเป็นหมาหงอย แล้วก็กลับมาคุยต่อ !
กรุ๊ปB…เวลาคุยกันเพื่อนสนิทจะคุยกันแบบธรรมดาไม่ได้ ต้องกัดๆ จิกๆ ทั้งด่า ทั้งเหน็บ เพื่อความสะใจ ! หึหึ
กรุ๊ปB…เป็นพวกจำชื่อคนไม่ค่อยจะได้ หน้าคุ้นๆ แต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจ รู้จักหรือไม่รู้จักไม่รู้ แต่ที่รู้ๆมันดันเรียกชื่อเราอ่ะ
กรุ๊ปB…อารมณ์กำลังดี๊ ดี แต่พอไม่ได้ดั่งใจขึ้นมา อารมณ์เสียทันที ! ทำไมชอบทำให้หงุดหงิดว่ะ !
กรุ๊ปB…มักทำให้คนอื่นหงุดหงิดและหมั่นไส้ เพียงแค่ คำพูด การกระทำ และหางตา ( เหลือบดูแล้วเมิน ! )
กรุ๊ปB…“เท้า ใช้งาน ได้ง่าย เหมือน “มือ” ปิดพัดลมตั่งพื้นไรเงี่ย ใช้เท้ากดเอา ก็ขี้เกียจก้มอ่ะ ทำไม ?
กรุ๊ปB…ที่จริงอยากให้คนดูแล แต่มันก็ทนไม่ได้ เวลาเห็นใครดูไม่ได้ดั่งใจต้องเข้าไป “ดูแล (จัดการ)” เองทู้กกกที เฮ้อ !
กรุ๊ปB…เป็นคนเข้มแข็ง เก็บความรู้สึกเก่ง มาดดูเป็นผู้นำ แต่มันเป็นสิ่งที่คนเห็นจากภายนอก แท้จริงแล้วเป็นคนที่อ่อนแอ แสดงความรู้สึกไม่เก่ง และไม่ได้ต้องการเป็นผู้นำ ก็แค่ไม่อยากให้คนที่เรารักเดือดร้อนเท่านั้นเอง ?
กรุ๊ปB…มัก “ตกหลุมรัก” ง่าย แต่จะ “เลือกมาก” เลยทำให้ “โสด” อยู่แบบนี้ไงละ !
กรุ๊ปB… เวลาจะ“รักใคร” ไม่จำเป็น “ต้องมีเหตุผล” ก็ชอบอ่ะ !
กรุ๊ปB…ไม่ชอบให้ใครมา “กดดัน” หรือต้องอยู่ “ในกรอบ” และจะเกลียดมากถ้าใครมา "ดูถูก" เหยียดหยาม จำไว้ !
เอาไว้แค่นี้้ก่อนดีกว่านะครับ : )
อ้อ...ลืมบอกไป เค้าว่ากันว่า เนื้อคู่ของกรุ๊ปBคือ...
กรุ๊ป O ครับ : )
แต่กรุ๊ปB จะชอบคนกรุ๊ป A มากว่า
ทำไมกันนะ ? ...
อ้อ...ลืมบอกไป เค้าว่ากันว่า เนื้อคู่ของกรุ๊ปBคือ...
กรุ๊ป O ครับ : )
แต่กรุ๊ปB จะชอบคนกรุ๊ป A มากว่า
ทำไมกันนะ ? ...
10 อันดับ ความแตกต่างของ iPhone 5 และ Samsung Galaxy S III
10 อันดับ ความแตกต่างของ iPhone 5 และ Samsung Galaxy S III
ตอนนี้ iPhone5 กำลังมาแรงมีข่าวมาแทบทุกวัน ทางทีมงาน toptenthailand เลยนำข้อมูลมาเปรียบเทียบสเปค และ ฟีเจอร์ของมือถือตัวท็อปของค่ายคู่แข่งคนสำคัญเลยทีเดียวกันบ้าง นั่นก็คือ Samsung Galaxy S III นั่นเอง ซึ่งทำยอดขายที่เรียกได้ว่า ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยทีเดียว แถมยังมาพร้อมกับความสามารถที่โดดเด่นตามสไตล์ของ Android และยังมีฟีเจอร์ และลูกเล่นใหม่ๆ ให้เล่น แต่ทาง Apple iPhone 5 ก็มาพร้อมกับ iOS 6 ที่มีฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้เล่นเช่นกัน รวมถึงรูปร่างดีไซน์ที่เปลี่ยนไปด้วย ดูแล้วช่างสูสียิ่งนัก ดังนั้นเราลองมาเปรียบเทียบฟีเจอร์ และสเปคเบื้องต้นของมือถือ 2 เครื่องนี้กันดูครับว่าจะเป็นอย่างไรกันบ้าง ไปติดตามกันเลยครับ
อันดับ 10 ความแตกต่างเรื่อง NFC (การเชื่อมต่อไร้สายระยะใกล้)
อันดับที่ 10 ของทีมงาน toptenthailand ได้แก่ ของการเชื่อมต่อไร้สายระยะใกล้ หรือที่เรียกว่า NFC นั่นเอง เราไปอ่านกันดีกว่าครับว่าเป็นอย่างไร
iPhone 5 ไม่มีฟีเจอร์การเชื่อมต่อไร้สายระยะใกล้ใส่เข้ามาในตัวเครื่อง ทั้งๆที่เป็นรุ่นใหม่ ทำให้กลายเป็นประเด็นให้ฝ่ายอื่นโจมตีพอสมควร
Samsung Galaxy S III มีการรองรับ NFC เป็นการแตะเครื่องสองเครื่องเพื่อแชร์ข้อมูลให้กันอย่างง่ายๆ ทำให้สะดวกต่อการส่งข้อมูลให้กันเป็นอย่างมาก สรุปสรุป
ความแตกต่าง : Samsung Galaxy S III ได้เปรียบในข้อนี้เพราะว่าจุดขายคือ S-Beam ที่แตะเครื่องสองเครื่องเพื่อแชร์ข้อมูลให้กันอย่างง่ายดาย ทาง iPhone 5 ก็คงจะสู้ตรงนี้ลำบากซักหน่อยเพราะไม่มีเหมือนกับ Samsung Galaxy S III
อันดับ 9 ความแตกต่างเรื่อง LTE และการเชื่อมต่อเครือข่าย
อันดับที่ 9 ของทีมงาน toptenthailand ได้แก่ เรื่องของ LTE และการเชื่อมต่อเครือข่ายนั่นเอง
iPhone 5 รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายความเร็วสูง 4G LTE อย่างที่ทางผู้ให้บริการเครือข่ายต่างเคยออกมาฟันธงไว้ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ Apple จะต้องมีฟังก์ชั่นนี้ ในขณะนี้ทาง Verizon, AT&T และ Sprint กำลังขยายเครือข่าย LTE ออกไป Apple iPhone 5 เป็นรุ่นแรกที่ทาง Apple ตัดสินใจใส่ LTE เข้าไป โดยดีไซน์แบบทูโทนถือเป็นผลจากการปรับปรุงประสิทธิภาพของเสารับสัญญาณและชิป LTE(ต้องรอการทดสอบการใช้งานจริง ว่า LTE ในสมาร์ทโฟนเครื่องไหนจะสามารถรับสัญญาณได้ดีที่สุดและไม่หลุดบ่อย)
Samsung Galaxy S III นั้น โทรศัพท์ของ Samsung มีฟีเจอร์นี้มาในมือถือหลายๆ รุ่นก่อนหน้านี้แล้ว
สรุปความแตกต่าง : สำหรับ "การเชื่อมต่อ" ที่แม้จะดูแตกต่างกันสำหรับคำว่า "LTE" แต่เอาเข้าจริง พอมาเมืองไทยก็ยังคงไม่มีอะไรแตกต่าง หากแต่ยังใช้ได้แค่ความเร็วระดับ 3G แบบปกติ ส่วน Wi-Fi ที่ iPhone 5 ประกาศการรองรับมาตรฐานทั้ง a/b/g และ n ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น ตรงนี้ Samsung เองก็เคยประกาศการใช้ Wi-Fi แบบ Dual Band มาก่อนหน้านี้ ทำให้ความได้เปรียบเสียเปรียบแทบจะไม่มีเลย
อันดับ 8 ความแตกต่างเรื่องราคา
อันดับที่ 8 ของทีมงาน toptenthailand ได้แก่ เรื่องของที่ทุกคนกำลังรอคอยราคาของ "ไทย" เรานั้นว่าจะอยู่ที่เท่าไร เพราะตอนนี้มีแต่ราคาของต่างประเทศออกมาแค่นั้นเอง
iPhone 5 เปิดราคา รุ่น 16GB มาเท่ากับราคาเดิมตอนเปิดตัวของ iPhone 4S คือประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท (อ้างอิงจากราคาในประเทศสิงคโปร์ และฮ่องกง)
Samsung Galaxy S III รุ่น 16GB ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 21,900 บาท ซึ่งก็ถือว่าสูสีกันกับ iPhone 5
สรุปความแตกต่าง : "ราคา" ที่ได้เห็นกันตอนนี้คือ "ราคา" ในต่างประเทศ แต่ " ราคา " ของประเทศไทยเรายังคงเป็นปริศนากันต่อไป เพราะเชื่อเหลือเกินว่า "ประเทศไทย" จะถูกจัดให้ไปอยู่ในประเทศลำดับหลัง ที่อาจจะได้วางจำหน่ายกันจริงๆ ในเดือนธันวาคม 2555 นี้ แต่การคาดเดาที่พอจะเป็นไปได้คือ การสวมราคาเดิมของรุ่นก่อนหน้านี้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ Samsung Galaxy S III ก็จะมีราคาที่ถูกกว่า 1,000 บาททันทีอันดับ 7
ความแตกต่างเรื่อง การถ่ายภาพ และบันทึกวีดีโอ
ความแตกต่างเรื่อง การถ่ายภาพ และบันทึกวีดีโอ
อันดับที่ 7 ความแตกต่างเรื่อง การถ่ายภาพ และบันทึกวีดีโอ
ของทีมงาน toptenthailand คือ เรื่องที่ทุกคนในโลกนี้ที่ชื่นชอบการถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ ต่างรอคอยกันมากที่สุดว่า สองเจ้านี้จะมีฝั่งใดดีกว่าหรือเหนือกว่า อยากรู้ลองไปติดตามกันเลยครับ
iPhone 5 นั้น ทางApple ได้เพิ่มความสามารถด้านการถ่ายภาพบน iPhone 5 แต่ก็ถือว่าไม่มากขึ้นจากเดิมเท่าไหร่นัก โดยมีโหมด dynamic low-light mode ที่สามารถถ่ายภาพในที่มืดได้ดีขึ้น มี 5-element lens และ f/2.4 aperture และเพิ่มโหมด Panorama หรือโหมดถ่ายภาพมุมกว้างเป็นครั้งแรกสำหรับมือถือ iPhone โดยสามารถถ่ายภาพได้ถึง 360 องศาด้วยความละเอียดภาพ 28 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ CPU A6 ยังช่วยในการโฟกัสภาพ และจับภาพให้เร็วขึ้น รวมถึง smart filter ที่ช่วยให้สีสันของภาพสมจริง และลด noise ได้ดียิ่งขึ้น และยังมี Shared Photo Streams ที่ให้คุณแชร์ภาพที่คุณถ่ายให้เพื่อนได้ทันทีผ่านทาง iCloud กล้องหน้าความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล บันทึกภาพระดับ HD 720p
Samsung Galaxy S III มาพร้อมกับระบบกล้องถ่ายภาพความละเอียด 8 ล้านพิกเซลที่น่าประทับใจมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเริ่มต้นถ่ายภาพด้วยความเร็ว 990ms และสามารถถ่ายได้ที่ความเร็ว 3.3 ภาพต่อวินาที ถ่ายต่อเนื่องได้สูงสุด 20 ภาพต่อครั้ง, Best Shot หรือโหมดเลือกภาพที่ดีที่สุด พร้อม Zero Shutter Lag หรือการถ่ายภาพแบบไร้ซึ่งการหน่วงเวลา, ระบบจดจำใบหน้าเพื่อนเวลาถ่ายภาพ ซึ่งสามารถแชร์ภาพให้เพื่อนได้ทันที, มีฟีเจอร์ HDR, Panorama, Smile Shot, Beauty Mode มาเต็มบนเครื่อง, กล้องหน้าความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซล ด้านการบันทึกวีดีโอ สามารถบันทึกที่ระดับ Full HD 1080p พร้อมระบบกันสั่น กล้องหน้าบันทึกภาพระดับ HD 720p
สรุปความแตกต่าง : iPhone นั้นได้ยกระดับมาตรฐานกล้องบนโทรศัพท์ขึ้นมาและได้มีการปรับปรุงระบบถ่ายภาพ ใน iPhone 5 ที่สามารถถ่ายได้เร็วขึ้นกว่าเดิม พร้อมทั้งเพิ่มโหมดพาโนราม่าแบบใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้ภาพที่สมบูรณ์ที่สุด ส่วน Samsung Galaxy S3 นั้นก็ไม่น้อยหน้า มีเซ็นเซอร์ที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เช่นเดียวกับ iPhone 5 โดยชูจุดขายที่ลูกเล่น พาโนราม่า, ถ่ายภาพต่อเนื่อง และอื่นๆ อีกมากมาย แม้ว่าขณะนี้ยังไม่ได้จับกล้องใน iPhone 5 แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะทำได้ดีเช่นเดียวกับที่ Samsung Galaxy S3 เคยทำไว้ ซึ่งเรื่องนี้ยังต้องรอการพิสูจน์หลังจากที่ iPhone5 จำหน่ายออกมาแล้วอันดับ 6
ความแตกต่างเรื่อง ซอฟต์แวร์ และแอพพลิเคชั่น
ความแตกต่างเรื่อง ซอฟต์แวร์ และแอพพลิเคชั่น
อันดับที่ 6 ความแตกต่างเรื่อง ซอฟต์แวร์ และแอพพลิเคชั่น
ของทีมงาน toptenthailand ได้แก่ เรื่องของซอฟต์แวร์ และแอพพลิเคชั่นต่างๆ จะเป็นอย่างไรบ้างลองไปอ่านกันครับ
iPhone 5 นั้นใช้แอพพลิเคชั่นของ iOS ใน App Store ซึ่งผู้ใช้นั้นรู้ๆ กันดีอยู่แล้วว่า มีแอพดีมากกว่าแอพไม่ดี เพราะว่า iOS มีใช้กับอุปกรณ์ของ Apple เท่านั้น ไม่เหมือนกับทาง Android ที่มีมือถือหลากหลายรุ่น ทำให้นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นพัฒนาได้ลำบากกว่า ส่วนฟีเจอร์พิเศษของ iPhone 5 (iOS 6) นั้นมาพร้อมกับ Siri คือแอพเลขาสุดฉลาด (แต่เธอยังไม่เก่งภาษาไทย), ตัด Google Maps ออกไป และใช้แผนที่ของตัวเอง แต่ยังมีการจัดเรียงแอพแบบโบราณอยู่ คือ เรียงเป็นแถวๆ เหมือนเดิม ไม่สามารถจัดได้เองเหมือน Android
Samsung Galaxy S III ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.0 Ice-Cream Sandwich แต่จะอัพเป็น Android 4.1 Jelly Bean ได้เดือนหน้า แต่อย่างไรก็ตาม แอพ Android นั้นดูเหมือนจะด้อยกว่า iOS อยู่พอสมควรตามเหตุผลที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ แต่ข้อดีของ Android OS ก็คือ คุณสามารถปรับแต่งหน้าจอ หรือตัวเครื่องได้อย่างที่ใจคุณต้องการ สามารถโหลด Widgets สวยๆ มาแต่งตัวเครื่องของคุณได้ นอกจากนี้ S III ยังมีฟีเจอร์พิเศษพกติดตัวมาด้วย นั่นก็คือ Pop-up Play, S Bean หรือการส่งข้อมูลขนาดใหญ่ได้ในเวลาอันสั้นผ่าน NFC ที่ iPhone 5 ไม่มี, Smart Stay ระบบตรวจจำดวงตาผู้ใช้ หน้าจอจะไม่ดับถ้าหากว่าเรามองหน้าจออยู่, และ S Voice ระบบตอบคำถาม และเลขาส่วนตัว เหมือนกับ Siri
สรุปความแตกต่าง : จะเห็นว่าในด้านซอฟเเวร์นั้น iPhone 5 ถือว่ายังทำได้ดีกับเเอพลิเคชันเเนว 3rd Party ที่หลากหลายเเละคุณภาพค่อนข้างดีกว่าของ Android ในขณะเดียวกันถ้าเเอพลิเคชันที่เราใช้หลักๆ ใน Android นั้นเราพอใจอยู่เเล้ว เเอพลิเคชันลูกเล่นต่างๆ ใน iOS อาจจะไม่จำเป็นสำหรับเราก็ได้ ในขณะเดียวกัน จุดเเข็งของ Galaxy S III นั้นจะเป็นเรื่องของตัวเลขมากกว่า คือ ราคา ขนาดหน้าจอ ความละเอียดหน้าจอ เเบตเตอรี่ความจุสูง เเละเพิ่ม microSD ได้ ซึ่งเเน่นอนทำให้ Galaxy S III นั้นดูคุ้มค่ากว่าในเกือบทุกกรณี เเต่ Galaxy S III เองก็มีข้อจำกัดในหลายด้าน อย่างเช่นอินเตอร์เฟซ หรือความรู้สึกดีเเละประณีตในงานประกอบเเละตัวซอฟเเวร์นั้นดูเเล้วยังคงเป็น รองของ iPhone 5 อยู่ดี รวมไปถึงถ้าเน้นเรื่องกล้องนั้น Galaxy S III ทำออกมาได้ไม่น่าประทับใจนักเมื่อเทียบกับ iPhone 5 ถึงเเม้สเปคกล้องจะสูสีกัน เเต่ที่ต่างกันคือตัว ISP ที่ใช้ทำการปรับเเต่งภาพที่ iPhone 5 ทำได้ดีกว่านั้นเอง
S! Hitech Comment
**หมายเหตุ
ข้อมูลทั้งหมดที่ทาง Toptenthailand.com นำเสนอได้มาจากการสำรวจความคิดเห็นเชิงสถิติ ด้วยขั้นตอนที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ของหัวข้อนั้นๆ ทางเว็บไซต์ Toptenthailand.com มิได้มีเจตนาที่จะนำเสนอข้อมูลดังกล่าวเพื่อชี้นำ หรือ ก่อให้เกิดความแตกแยกใดๆ ในสังคมทั้งสิ้น เราและทีมงานเพียงแต่ต้องการนำเสนอข้อมูลทางสถิติที่เรารวบรวมเพื่อเป็นสาระ และเป็นการสะท้อนอีกด้านหนึ่งของสังคม ให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต และประชาชน ทั่วไปรับชมเท่านั้น (โปรดใช้วิจารณญาณในการชม และบริโภคข้อมูลจาก Toptenthailand.com) และหรือในบางกรณี www.Toptenthailand.com จะทำหน้าที่ เป็นสื่อกลางในการรวบรวม และนำเสนอข้อมูลในการจัดอันดับที่มีอยู่แล้วในสื่อต่างๆ ทั้งทาง Internet และสิ่งพิมพ์ โดยเราจะอ้างอิง ให้เครดิต ถึงแหล่งที่มาในทุกๆ ครั้งไป
วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555
นิสัยของชาวกรุ๊ป B
ว่าจะตรงกับนิสัยเพื่อนๆรึป่าว
เอาล่ะ...ไปดูกันเลยดีกว่า ฮ่าๆ
กรุ๊ปB...โกรธใครโกรธจริง แค้นใครแค้นฝังหุ่น อย่ามาทำให้ฟิวส์ขาด ขอเตือนเลย !
กรุ๊ปB...ไม่เคยโกรธใครโดยไร้เหตุผล แต่ส่วนใหญ่ที่โกรธเพราะชอบขัดใจ ชอบแกล้ง และที่สำคัญ ชนะเรา !
กรุ๊ปB...เป็นพวกชอบปรึกษา ไม่ต้องการวิธีแก้ คือแบบ...แค่มาบ่นให้ฟังเฉยๆ !
กรุ๊ปB…เวลาเจอคนพูดมากๆ จะนึกในใจว่า “มาบอกทำไม ?” เราชอบบ่นอย่างเดียวไม่รับฟัง !
กรุ๊ปB...เวลาโดนดูถูกจะโกรธมาก แล้วเราจะหาสิ่งที่ดีกว่าไปกระแทกหน้ามัน เอาให้หงายไปเลย แล้วจะรู้เราเจ๋งแค่ไหน !
กรุ๊ปB...ชอบคิดมาก คิดตั้งแต่เริ่มยังจบว่าผลมันเป็นยังไงแต่ที่ไม่เคยคิด “ว่าเราจะคิดทำไม” !
กรุ๊ปB...ชอบพูดอย่างทำอย่าง เตือนให้คนอื่นทำ แต่ตัวเองกลับไม่ทำ ความสุขอะทำไม ?
กรุ๊ปB...ถ้าโมโหขึ้นมาก็มาลงกับข้าวของ ขว้างโน่นขว้างนี่ แต่แล้วก็มาเก็บมันเข้าที่เหมือนเดิม ขว้างทำไมเนี่ย ?
กรุ๊ปB...ไม่ค่อยทักใครก่อน..ไม่ใช่หยิ่งแต่เพราะกลัวทักไปแล้วคุยต่อไม่ได้หรือทักไปแล้วเขาจะรำคาญ !
กรุ๊ปB...ชอบโวยวายในเรื่องไร้สาระ แต่พอถึงเรื่องเครียดจริงๆจะไม่บอกใครเลย จะเก็บไว้คิดให้ปวดหัวเล่นคนเดียว ?
กรุ๊ปB...ไม่เคยให้ความหวังใคร มีแต่โดนให้ความหวัง ก็แค่นั้น !
กรุ๊ปB...อยากให้บีหายงอน ก็แค่ง้อไปเรื่อยๆ ทำตัวน่ารักๆ ก็หายแล้วแค่แกล้งงอนเฉยๆนั้นแหละ !
กรุ๊ปB...ขึ้นชื่อว่าเจ้าชู้แต่ความจริงก็รักมากแค่คนเดียวนะ !
กรุ๊ปB...เวลาแอบชอบใครจะเก็บไว้แล้วไม่ยอมบอก แต่จะคอยติดตามเขาทุกอย่าง และทำให้เขารักเราและบอกชอบเราเอง !
กรุ๊ปB...แพ้คนเอาใจกับขี้อ้อน !
กรุ๊ปB…จะทำทุกอย่างที่ตัวเองชอบ ถึงมันน่ากลัวก็ยังจะทำ ทำไปขนลุกไป ?
กรุ๊ปB…เห่อของมาก เวลาซื้อของอะไรมาใหม่ๆ จะนั่งจับ นั่งดูทั้งวัน พอผ่านไปหลายๆวัน ทิ้งไว้ไหนแล้วก็ไม่รู้ ?
กรุ๊ปB…ความโกรธเหมือนยาพิษจะค่อยๆกัดกินใจให้อีกฝ่ายตายได้ช้าๆ และทรมาน ( ซาดิสม์นี่หว่า ! )
กรุ๊ปB…ถ้าเวลาทำงานรู้ว่าทำไม่ได้ก็จะไม่ดึงดันดั้นด้นทำ เดี๋ยวไว้ค่อยทำก็ได้ ( แล้วก้อลืม…? )
กรุ๊ปB…ไม่ชอบเป็นที่จับตามองของใครหลายๆคน "รู้ว่าดูดีแต่ไม่ต้องมองได้ปะ “เขิล” !
กรุ๊ปB…ถ้าให้พูดต่อหน้าจะพูดไม่เก่ง แต่ให้เขียนเป็นข้อความจะถนัดมากกว่า ซึ้งกินใจเลยล่ะ !
กรุ๊ปB…คิดจะทำอะไร ก็ได้แค่ คิดจะทำหรือไม่ทำน่ะ มันอยู่ที่ “อารมณ์” ก้อติสอ่ะ !
กรุ๊ปB…ขี้เหงานะ เหงาเงียบๆ เหงาแบบไม่บอกใคร อยู่ดีๆก็เหงา ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ?
กรุ๊ปB…เวลางอนชอบเย็นชาใส่คนนั้น เหมือนโยนระเบิดเก็บเสียงแล้วโยนพุ่งใส่อย่างเดียว ฮึฮึ ตายซะเถอะ !
กรุ๊ปB...อาจจะดูใสๆซื่อๆแต่เวลาโกหกทีโกหกเนียนนะครับ !
กรุ๊ปB…เป็นคนที่โกหกเก่งมาก ประมาณว่าพูดไรใครเชื่อหมด แต่พอพูดความจริง คนกลับไม่เชื่อ !
กรุ๊ปB…ที่ว่าโกหกเก่งน่ะ ไม่ใช่ว่าไปโกหกใคร แต่โกหกใจตัวเองได้ ถือว่าเก่งไหมละ ?
กรุ๊ปB…พอฟังใครพูดแรกๆก็จะตั่งใจฟัง หลังๆเริ่มเบื่อแต่ก็ยัง "พยักหน้า"เหมือนจะฟัง ทั้งที่จริงๆแล้วไม่ได้ฟังเลย ! ( สติหลุดไปคิดเรื่องอื่นแล้ว ! )
กรุ๊ปB…จะเอ๋อๆ เด๋อๆ ฮาๆ ยิ่งคุยมันส์ยิ่งเสียงดัง แต่พอถูกดุจะจ๋อย ทำหน้าเป็นหมาหงอย แล้วก็กลับมาคุยต่อ !
กรุ๊ปB…เวลาคุยกันเพื่อนสนิทจะคุยกันแบบธรรมดาไม่ได้ ต้องกัดๆ จิกๆ ทั้งด่า ทั้งเหน็บ เพื่อความสะใจ ! หึหึ
กรุ๊ปB…เป็นพวกจำชื่อคนไม่ค่อยจะได้ หน้าคุ้นๆ แต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจ รู้จักหรือไม่รู้จักไม่รู้ แต่ที่รู้ๆมันดันเรียกชื่อเราอ่ะ
กรุ๊ปB…อารมณ์กำลังดี๊ ดี แต่พอไม่ได้ดั่งใจขึ้นมา อารมณ์เสียทันที ! ทำไมชอบทำให้หงุดหงิดว่ะ !
กรุ๊ปB…มักทำให้คนอื่นหงุดหงิดและหมั่นไส้ เพียงแค่ คำพูด การกระทำ และหางตา ( เหลือบดูแล้วเมิน ! )
กรุ๊ปB…“เท้า ใช้งาน ได้ง่าย เหมือน “มือ” ปิดพัดลมตั่งพื้นไรเงี่ย ใช้เท้ากดเอา ก็ขี้เกียจก้มอ่ะ ทำไม ?
กรุ๊ปB…ที่จริงอยากให้คนดูแล แต่มันก็ทนไม่ได้ เวลาเห็นใครดูไม่ได้ดั่งใจต้องเข้าไป “ดูแล (จัดการ)” เองทู้กกกที เฮ้อ !
กรุ๊ปB…เป็นคนเข้มแข็ง เก็บความรู้สึกเก่ง มาดดูเป็นผู้นำ แต่มันเป็นสิ่งที่คนเห็นจากภายนอก แท้จริงแล้วเป็นคนที่อ่อนแอ แสดงความรู้สึกไม่เก่ง และไม่ได้ต้องการเป็นผู้นำ ก็แค่ไม่อยากให้คนที่เรารักเดือดร้อนเท่านั้นเอง ?
กรุ๊ปB…มัก “ตกหลุมรัก” ง่าย แต่จะ “เลือกมาก” เลยทำให้ “โสด” อยู่แบบนี้ไงละ !
กรุ๊ปB… เวลาจะ“รักใคร” ไม่จำเป็น “ต้องมีเหตุผล” ก็ชอบอ่ะ !
กรุ๊ปB…ไม่ชอบให้ใครมา “กดดัน” หรือต้องอยู่ “ในกรอบ” และจะเกลียดมากถ้าใครมา "ดูถูก" เหยียดหยาม จำไว้ !
เอาไว้แค่นี้้ก่อนดีกว่านะครับ : )
อ้อ...ลืมบอกไป เค้าว่ากันว่า เนื้อคู่ของกรุ๊ปBคือ...
กรุ๊ป O : )
แต่กรุ๊ปB จะชอบคนกรุ๊ป A มากว่า
ทำไมกันนะ ? ...
อ้อ...ลืมบอกไป เค้าว่ากันว่า เนื้อคู่ของกรุ๊ปBคือ...
กรุ๊ป O : )
แต่กรุ๊ปB จะชอบคนกรุ๊ป A มากว่า
ทำไมกันนะ ? ...
10 พฤติกรรมที่จะทำให้หุ่นดี
1. บอกลาอาหารจังก์ฟู้ดส์
เพราะอาหารจังก์ฟู้ดส์เหล่านี้มักมีทั้งน้ำตาล และไขมันอิ่มตัว เป็นส่วนประกอบแทบทั้งนั้น แม้มันจะมีความอร่อยจนหนุ่มๆ บางคนอดใจไม่อยู่ แต่มันก็ทำให้น้ำหนักของเราเอาไม่อยู่เหมือนกันนะครับ
2. น้ำตาลคือจอมวายร้าย
หนุ่มๆ ควรเลือกทานอาหารประเภทซูการ์ฟรีแทนนะครับ เพราะมันจะช่วยทำให้หน้าท้องของหนุ่มๆ ลดลงได้ หรือหนุ่มๆ จะลดการรับประทานน้ำตาลให้น้อยลงแทนก็ได้
3. หลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งขัดขาว
ขนมปังขัดขาว พาสต้า โดนัท เค้ก ฯลฯ อาหารเหล่านี้จะทำให้หนุ่มๆ อ้วนขึ้นได้ง่ายๆ และยังส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหารอีกด้วย แถมยังทำให้เกิดไขมันเก็บสะสมในร่างกายอีกต่างหาก ควรลด และหลีกเลี่ยงให้ไกลเลยครับ
4. อย่ากินขนมตอนกลางคืน
ข้อนี้สำคัญมากครับ เพราะการรับประทานอาหาร หรือขนมตอนกลางคืน จะทำให้หนุ่มๆ ไม่สามารถเผาผลาญไขมันออกไปได้ ทำให้เกิดการเก็บสะสมไขมันต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
5. หลีกเลี่ยงการทานอาหารทอดๆ และติดมัน
อาหารทอดๆ อย่างพวก กุนเชียง หมูสามชั้นทอดกรอบ หนังไก่ กากหมู ฯลฯ มักจะมาพร้อมกับน้ำมัน ตัวการสำคัญที่ทำให้น้ำหนักของหนุ่มๆ พุ่งขึ้นพรวดๆ ถ้าอยากลดน้ำหนักล่ะก็อดใจไว้ครับๆ
6. ออกกำลังกายลดความอ้วน
คำแนะนำที่ดีที่สุด สำหรับคนที่อยากลดน้ำหนัก หรือกำจัดพุง ก็คือการออกกำลังกาย เพราะมันจะช่วยเผาผลาญไขมัน และน้ำหนักให้หนุ่มๆ ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ
7. ดื่มชาเขียววันละ 3 - 4 แก้ว
ชาเขียวจะช่วยให้การออกซิเดชั่นไขมันทำได้ดีขึ้น และเร่งอัตราการเผาผลาญในร่างกาย แถมยังสามารถลดคอเลสเตอรอลได้ดีอีกต่างหาก ยิ่งถ้าเป็นชาเขียวร้อนจะดีมากๆ
8. ดื่มน้ำหลังตื่นนอน
การดื่มน้ำอย่างน้อย 1 แก้วทันที หลังจากที่หนุ่มๆ เพิ่งตื่นนอน จะทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังจะช่วยให้ระบบขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ทั้งหนัก ทั้งเบาทำงานได้อย่างคล่องตัว
9. อย่าปล่อยให้หิว
เพราะหากหนุ่มๆ ยิ่งปล่อยให้ท้องหิว ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหารก็จะยิ่งหลั่งออกมามากขึ้น และหากหนุ่มๆ กินตามใจฮอร์โมนที่หลั่งออกมาล่ะก็ รับรองได้เลยว่าน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นแน่นอน
10. ลดทานเค็ม
นั่นก็เพราะการทานอาหารรสเค็มจัดเกินไป เป็นสาเหตุทำให้ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความอ้วน และน้ำหนักเปลี่ยนแปลงได้
6 ขั้นตอนสร้างโลกใหม่ให้นิยาย
นิยายแฟนตาซีนอกจากจุดเด่นจะที่เนื้อเรื่องชวนติดตามแล้ว "โลก" อันมีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ไม่เหมือนกับเรื่องอื่นๆ แม้จะเป็นธีมเดียวกัน ก็เป็นจุดขายอย่างหนึ่งก็ว่าได้ ซึ่งน้องๆ นักเขียนบางคนอาจจะไม่ได้คิดถึงตรงจุดนั้น คิดว่าก็แค่ใส่ๆไปให้รู้ว่าเป็นโลกแฟนตาซีก็พอแล้ว แต่พี่แบงค์สังเกตมานานแล้วว่า นิยายแฟนตาซีหลายเรื่องที่ติดอันดับเบสต์เซลเลอร์ มักจะมีการสร้าง "โลก" ที่ดูมีมิติ อ่านแล้วรู้สึกเชื่อได้แทบจะสนิทใจเลยว่านั่นคือโลกอีกโลกหนึ่ง ไม่ใช่แค่บอกปากเปล่าเพียง นี่คือโลกแห่งxxxx แต่คนอ่านกลับไม่ได้รู้สึกว่าเป็นอีกโลกหนึ่งเลย เพราะมันดูแบนๆนั่นเอง
หากน้องๆ กำลังจะสร้างนิยายเรื่องใหม่ขึ้นมาสักเรื่อง (หรือจะรีไรท์ใหม่ก็ว่ากันไป) น้องควรจะให้ความสำคัญกับโลกของนิยายด้วย เพราะตัวละครไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยปราศจากสภาพแวดล้อมที่หล่อหลอมให้เกิดเป็นตัวเขา โดยเคล็ดลับที่จะทำให้น้องสร้างโลกนิยายของตัวเองขึ้นมาได้นั้น มีอยู่ 6 ขั้นตอนดังนี้
1 เลือกธีมเรื่องที่ต้องการจะเขียน เช่น ยุคปัจจบัน ยุคเรเนอซองค์ โลกเวทมนตร์ ซามุไร สงครามอวกาศ ป่าดงดิบ สวรรค์นรก ฯลฯ ธีมที่เราเลือกคือโลกที่เราตัดสินใจแน่นอนว่าจะอยู่กันมันไปตลอดจนจบเรื่อง เมื่อเลือกธีมไหนแล้ว ต้องไม่โดดข้ามไปข้ามมานะครับ (ยกเว้นเราตั้งใจจะเขียนแนวเจาะเวลาข้ามมิติ)
2 วาดภาพในหัวว่า โลกในธีมที่เราจะเขียนนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น
- โลกเวทมนตร์: ฉากหลังเป็นสไตล์ยุโรปยุคกลาง เป็นช่วงที่เผ่าพันธุ์มังกรสูญหายไปจากโลก มนุษย์ถือสิทธิ์เป็นเจ้าผู้ปกครองทวีป
- สงครามอวกาศ: ปีค.ศ. 3000 อาณานิคมดาวอังคารประกาศเป็นศัตรูกับสหพันธ์โลก ทำสงครามกันมาข้ามศตวรรษ
- ป่าดงดิบ: อารยธรรมอันรุ่งเรืองของชนเผ่าโบราณได้ล่มสลายมานับหมื่นปี โดยทิ้งความลับบางอย่างที่กุมชะตาโลกไว้
3 สร้างรายการตัวละครขึ้นมา ทั้งตัวเอกและตัวรอง ตั้งชื่อ เพศ อายุ พื้นเพชีวิต ความสัมพันธ์ อาชีพ และบทบาทภายในเรื่อง
4 วางโครงสร้าง ภูมิประเทศ เมือง ชีวิตความเป็นอยู่ ความเชื่อในลัทธิศาสนา หรืออะไรก็ตามที่เข้ากับธีมและตัวละครที่เราออกแบบขึ้นมา และต้องยืนพื้นกับหลักความเป็นเหตุและผลให้มากที่สุด
5 ลงรายละเอียดปลีกย่อย ให้มากขึ้นกว่าเดิมในเรื่องของขนาด ปริมาณ ตำแหน่งที่ตั้ง ทิวทัศน์ ลักษณะ อายุ ฯลฯ ตรงนี้เราอาจจะต้องวาดภาพโยงเส้นเป็น Mindmap ด้วย จะได้ไม่สับสนว่าเราคิดอะไรไปบ้าง
6 วางพล็อตการดำรงชีวิตของตัวละคร อาทิ
- สกุลเงินที่ใช้แลกซื้อสิ่งของ อาหารที่กิน เสื้อผ้าที่ใส่ อาวุธหรือสิ่งของที่ใช้ สัตว์ที่เลี้ยง เฟอร์นิเจอร์
- ขนส่งและการเดินทาง
- ความสำคัญของสิ่งของ ผู้ที่เป็นเจ้าของ และเงื่อนไขการได้สิ่งของนั้น(ซื้อ แลก ขโมย บังเอิญตกเขาแล้วพบเข้า ฯลฯ)
- ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
- ฯลฯ
สิ่งหนึ่งที่น้องๆ ควรให้ความสำคัญอีกอย่างหนึ่งไม่แพ้กันก็คือ ถึงแม้นิยายของเราจะเป็นแฟนตาซี แต่แฟนตาซีต้องอิงกับความเป็นเหตุและผลเสมอ ถ้าผู้เขียนอยากให้เพลิงลุกใต้น้ำได้ ก็ต้องมีเหตุผลที่ดูน่าเชื่อหรือยอมรับได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น คนต่างแดนต่างอารยธรรมทำไมถึงพูดภาษาเดียวกันรู้เรื่อง ตรงนี้ถ้ามีเหตุผลเพิ่มขึ้นมาสักหน่อย ผู้อ่านก็จะเชื่อถือนิยายของน้องมากยิ่งขึ้น และอินกับนิยายเรื่องนั้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)